วัดพระธาตุดอยหินกี่ เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นมาประมาณร้อยกว่าปี เกิดจากความร่วมมือของชาวกะเหรี่ยงและชาวบ้านในท้องถิ่น ณ บริเวณด้านล่างทางขึ้นพระธาตุนั้นทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม(www.Thongteaw.com) ของเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากมัคคุเทศก์ประจำท้องถิ่น(เจ้าหมาน้อย ) ซึ่งคอยวิ่งนำหน้าพาขึ้นพระธาตุอย่างกระตือรือร้นโดยไม่ต้องขอร้อง แถมยังตามติดเราไปทุกที่ตลอดทางเลย สำหรับการเดินขึ้นพระธาตุดอยหินกี่นั้นจำเป็นต้องขึ้นบันไดปูนไปเป็นระยะทางกว่าห้าร้อยขั้น(หอบแฮ่กๆเลยค่ะขอบอก) แต่จะมีที่พักให้สักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นช่วง ๆ

     เมื่อถึงด้านบนเราก็ได้พบกับเจดีย์พระธาตุประดิษฐานอยู่บนหินก้อนใหญ่มีฐานเป็นส่วนปลายขอดเล็กตั้งซ้อนอยู่บนหินอีกก้อนหนึ่งด้านล่าง ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุดอยหินกี่ หมายถึงพระธาตุซึ่งตั้งอยู่บนก้อนหินที่ขี่กันนั่นเอง เป็นความงดงามอันน่าทึ่งไม่น้อย(ดูรูปด้านล่างประกอบนะคะ) โดยรอบของเจดีย์ประดับด้วยปะติมากรรมปูนปั้นสัตว์ในวรรณคดีตัวสิงห์หัวเทวดาลักษณะศิลปะพม่า(ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรค่ะ)

     ในยามเช้าของฤดูหนาวนอกเหนือไปจากความงดงามของตัวพระธาตุดอยหินกี่แล้ว คุณยังจะสามารถชมบรรยากาศของทะเลหมอกที่พลิ้วไหวเป็นระลอกคลื่นสีขาวอยู่เบื้องล่างอีกด้วย เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด แต่กว่าจะมาถึงก็คงลิ้นห้อยเล็กน้อยเนื่องจากขึ้นบันได้มาหลายร้อยขั้น แต่ความเหน็ดเหนื่อยนั้นจะหายไปแน่นอนเมื่อได้ขึ้นมารับอากาศเย็นสบาย กับชมทิวทัศน์บนนี้

     เมื่อแดดยามสายเริ่มทอแสงออก ก็ถึงเวลาที่เมฆหมอกต้องลาจากไป แต่นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ คงไม่ต้องเศร้านานนัก เพราะเมื่อหมอกสลายตัวไปแล้วนั้น เปิดให้เห็นทิวทัศน์จากมุมสูงของ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอดแห่งนี้ไปไกลสุดสายตา เป็นที่ราบ เป็นหมู่ไม้ ทีมงานบางคนว่าเห็นเหมือนเป็นสายแม่น้ำ (แต่คนเขียนสายตาไม่ค่อยดีเลยไม่กล้าฟันธงว่าใช่แน่หรือไม่) แต่ก็เป็นอีกความสวยงามที่ไม่ควรพลาด

     เมื่อแสงส่องให้เห็นทิวทัศน์ระหว่างสองข้างด้านได้ชัดเจน ทีมงานจึงได้เห็นว่าเส้นทางที่เมื่อเช้าผ่านมานั้นมีแยกขึ้นบันได บอกทางไปสักการะพระพุทธบาท เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าที่แปลกกว่าที่อื่นที่ทางทีมงานเคยไปชมมาเนื่องจากเป็นรอยพระพุทธบาทที่ประทับลงบนโขดหิน ทางวัดได้นำปูนมาทำเป็นฐานรองไว้และครอบด้วยตู้กระจก

     นอกจากนั้นบริเวณเชิงเขาเล็กของพระพุทธบาท มีป้ายบอกทาง และลูกศรที่ทาสีบนก้อนหินเป็นระยะชี้ทางไปถ้ำ แต่ทีมงานลองเดินตามลูกศรบอกทางไปสักประมาณเกือบสิบนาทียังไม่เห็นวี่แววของถ้ำ สองข้างเริ่มรก เลยเปลี่ยนใจไม่ไปชมถ้ำเกรงว่าจะหลงอยู่บนเขาของวัดพระธาตุดอยหินกี่ เหมือนครั้งเคยหลงอยู่ตอนไปประจวบฯ เลยยกธงขาวกลับกันดีกว่า (แต่ถ้าท่านใดเคยหาเจออย่าลืมเมล์มาเล่าให้ฟังกันบ้างแล้วกันนะคะ)

     ก่อนกลับทีมงานเลยแบ่งขนมปังบางส่วนให้กับเจ้ามัคคุเทศก์น้อย(หมาตัวเดิมนั่นเอง) เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจของมันที่คอยติดตามเราไปทุกที่ตั้งแต่เดินขึ้นพระธาตุจนกระทั่งกลับลงมาที่รถเลยทีเดียว

การเดินทาง
     จากตัวอำเภอแม่สอด มาตามทางหลวงหมายเลข 105 ไปทางตลาดริมเมย ผ่านสนามบินแม่สอดไปจะพบทางแยกขวามือผ่านวัดไทยวัฒนาราม ขับต่อไปจนถึงสามแยกบริเวณบ้านวังตะเคียน(บริเวณนี้จะมีด่านของเจ้าหน้าที่คอยตรวจตรา) ให้เลี้ยวขวา(หรือถามเจ้าหน้าที่ก็ได้)ไปอีกประมาณ 4.5 กม. ก็จะถึง ถ้ามาตอนเช้าในฤดูหนาวเพื่อชมทะเลหมอกควรมาก่อนหกโมงครึ่งตอนเช้าเผื่อเวลาสำหรับการเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขึ้นในการไปชมพระธาตุและทะเลหมอก และที่สำคัญโปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากหมอกลงหนามากในช่วงเช้า รวมถึงควรสังเกตป้ายบอกทางเข้าวัดดีดี มิฉะนั้นอาจเลยวัดได้

บันไดกว่า 500 ขั้นสู่พระธาตุดอยหินกี่

ภาพทะเลหมอกอันงดงามซึ่งทำให้เราลืมความเหนื่อยและเมื่อยล้าไปได้พอสมควร

ภาพด้านข้างพระธาตุดอยหินกี่ แสดงให้เห็นถึงพระธาตุซึ่งสร้างอยู่บนหินที่ขี่กันอย่างชัดเจน และรอยพระพุทธบาทบนหินที่หาชมไม่ได้ง่าย ๆ ที่ไหน

พระพุทธรูปภายในถ้ำ ,ดอกไม้ระหว่างทาง และบ้านชาวกะเหรี่ยงในบริเวณวัดพระธาตุดอยหินกี่